ไข้มาลาเรียคำถามจากทางบ้าน:
โยมพ่อของลูกเณร เป็นหนุ่มบุรีรัมย์ ชีวิตของโยมพ่อผูกพันกับวัดกับวามาตั้งแต่เด็ก ท่านไม่เคยว่างเว้นจากการเข้าวัดฟังธรรม ทำให้มีโอกาสได้อุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดพระสงฆ์-สามเณรอยู่เป็นประจำมิได้ขาด และยังเคยติดตามพระไปเดินธุดงค์ถึงชายแดนกัมพูชา แม้แต่ตอนเป็นวัยรุ่น ท่านก็เป็นผู้นำรุ่นใหม่ไฟแรง ชักชวนหนุ่มสาวในละแวกนั้นรวมหลายหมู่บ้าน มาร่วมกันพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง ช่วยกันถางหญ้าและล้างป่าช้า เพื่อสร้างวัดเล็กๆไว้เป็นศูนย์รวมใจของชุมชนโยมพ่อ มีความตั้งใจมานานว่า สักวันหนึ่งจะต้องบวชเป็นพระให้ได้ ดังนั้นเมื่ออายุครบบวช ท่านก็รีบจัดเตรียมผ้าไตรจีวรไว้พร้อมเสร็จสรรพ จะเหลือก็แต่เพียงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในงานบวชเท่านั้น จริงอยู่แม้จะเป็นเงินไม่มากนัก ไม่ถึงกับต้องขายนา แต่โยมพ่อคิดว่า ไหนๆก็จะบวชแทนคุณพ่อแม่ทั้งที จะต้องรบกวนเงินทองพ่อแม่ ให้ท่านต้องลำบากไปทำไม โยมพ่อจึงไม่รอช้า ตัดสินใจมุ่งหน้ามาหางานทำในกรุงเทพฯทันทีแต่อนิจจา...ความหวังอันสูงส่ง ก็ต้องมาพังทลายลง เพราะแทนที่จะรีบกลับมาบวชตามผังเดิมที่ตั้งใจไว้ โยมพ่อกลับเปลี่ยนผังใหม่ ตัดสินใจสละโสด แต่งงานกับสาวกาฬสินธุ์ที่มาทำงานในเมืองกรุง ซึ่งก็คือ โยมมารดาที่แสนดีของลูกเณรเองครับ พอนึกความหลังขึ้นมาครั้งใด โยมพ่อจะรู้สึกเสียใจทุกครั้ง ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความแค้นใจตัวเอง ที่ไม่ได้บวชอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะในเมื่อตัดสินใจเอาครัวมาครอบแล้ว ก็จำต้องรับผิดชอบ และพยายามทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวให้ดีที่สุดด้วยความที่ยังปลงไม่ตก โยมพ่อจึงฝังใจมาตลอดว่า ถ้าหากมีลูกชาย จะต้องให้ได้บวชเรียนตั้งแต่ยังเด็ก และหวังว่าเมื่อโตขึ้น จะได้เป็นพระ ปฏิบัติโปรดสัตว์โลกต่อไป…แล้วในที่สุด โยมพ่อก็ได้ลูกเณรนี่เองครับ ที่กำลังทำความปรารถนาของโยมพ่อให้สำเร็จ สมดังที่ท่านตั้งใจครับโยมพ่อเคยไปทำงานในเหมืองพลอยกลางป่า แถบชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใครๆก็รู้กันว่า พื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยกับระเบิด และเสี่ยงต่อโรคไข้มาลาเรีย บางคนหนาวสั่นรุนแรง ไข้ขึ้นสูงจนเพ้อ อาการปางตายเหตุที่ทำให้โยมพ่อป่วยเป็นไข้มาเลเรีย จนเกือบตายหลังจากที่โยมพ่อกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วันก็ถูกไข้มาลาเรียเล่นงานเข้าจริงๆ จู่ๆ อาการไข้ก็กำเริบ หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปวดหัวอย่างรุนแรงจนสมองแทบจะระเบิด หมอบอกว่าติดเชื้อมาลาเรียจนขึ้นสมองแล้ว แพทย์พยาบาลระดมกันช่วยชีวิตโยมพ่ออย่างเต็มที่ แต่อาการก็มีแต่ทรุดลงในที่สุด โยมพ่อก็ อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำคล้ำ สักพักก็หมดลมหายใจไปทันที ท่ามกลางความเศร้าโศกของโยมแม่ ซึ่งนั่งเฝ้าดูอย่างไม่ห่างสายตา โยมแม่รีบโทรศัพท์ตามญาติให้ซื้อโลงมารับศพโยมพ่อกลับไปทำพิธีฌาปนกิจที่บ้านขณะที่โยมแม่กำลังร่ำไห้ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ผ่านไปเพียงชั่วโมง จู่ๆโยมพ่อก็ลืมตาและกลับมาหายใจได้อีกครั้งเหลือเชื่อแต่ก็เป็นความจริงครับ โยมพ่อตายแล้วฟื้น ทำเอาทุกคนตกตะลึงจนทำ อะไรไม่ถูก ที่น่าแปลกคือ ทันทีที่ฟื้นขึ้นมา อาการไข้มาลาเรียก็กลับหายเป็นปลิดทิ้ง พักฟื้นเพียงสามวัน หมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ ตั้งแต่นั้นมาโยมพ่อก็ไม่เคยเป็นไข้มาลาเรียอีกเลยครับบุญดูแลรักษาพระธุดงค์ที่ท่านกำลังป่วยหนักจนหายมาตัดรอนวิบากกรรมให้โยมพ่อรอดตายได้วิบากกรรมใดทำให้โยมพ่อป่วยเป็นไข้มาลาเรียจนเกือบไม่รอด โยมพ่อตายแล้วฟื้นจริงหรือไม่ และขณะนั้นวิญญาณของท่านไปไหน เพราะบุญใดท่านจึงมีชีวิตรอดอีกครั้งและยังหายป่วยเป็นอัศจรรย์อีกด้วยครับที่นี่มีคำตอบ:
โยมพ่อป่วยเป็นไข้มาลาเรียจนเกือบตายเพราะในอดีตเป็นนายพราน ล่าสัตว์เป็นจำนวนมาก กรรมปาณาติบาตนี้มาส่งผล ซึ่งที่จริงแล้วจะต้องตายด้วยกรรมดังกล่าว แต่ว่าในชาติเดียวกับที่เป็นนายพรานนั้น วันหนึ่งได้เจอพระธุดงค์ที่ท่านเดินธุดงค์อยู่ชายป่า ท่านกำลังป่วยหนักปางตายทีเดียว จึงเข้าไปดูแลรักษาท่านอยู่เป็นเดือน แล้วคอยอุปัฏฐากท่าน ถวายทั้งยา อาหาร จนท่านหายจากโรคภัยไข้เจ็บด้วยบุญนี้จึงมาตัดรอนวิบากกรรมที่ล่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ให้ท่านรอดตายและฟื้นได้จ้ะช่วงนั้นกายละเอียดกำลังลอยหลุดไปแล้วช่วงนั้นกายละเอียดกำลังลอยหลุดไปแล้ว แต่ยังมีสายบุญดังกล่าวเชื่อมบางๆไว้จึงไม่ลอยหลุดไปและพลิกฟื้นเป็นอัศจรรย์ จวนจะไปด้วยกรรมปาณาติบาต แต่บุญที่อุปัฏฐากดูแลรักษาพระธุดงค์ที่ป่วยปางตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ มาช่วยเอาไว้โดย คุณครูไม่ใหญ่๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙
วิบากกรรมใดทำให้โยมพ่อป่วยเป็นไข้มาลาเรียจนเกือบไม่รอด
โยมพ่อเคยไปทำงานในเหมืองพลอยกลางป่า พื้นที่แถบนั้นเสี่ยงต่อโรคไข้มาลาเรีย บางคนหนาวสั่นรุนแรง ไข้ขึ้นสูงจนเพ้อ อาการปางตาย
บทความ Articles > ที่นี่มีคำตอบ Answer by Law of Kamma[ 17 ส.ค. 2554 ] - [ : 18260 ]